SCBX R&D Tech Update : Issue 12

: SCBX R&D Tech Update : Issue 12

SCBX R&D Tech Update : Issue 12

ทันทุกสถานการณ์กับข่าวโลกเทคโนโลยี ด้วยข้อมูลที่อัปเดตและเข้าใจง่าย ทุกอาทิตย์

Your Weekly Dose of Bite-Sized Updates!

ก้าวล้ำไปในโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วด้วยข้อมูลอัปเดตและเข้าใจง่าย ตั้งแต่แกดเจ็ตล่าสุดและความก้าวหน้าของ AI หรือความปลอดภัยทางไซเบอร์และแนวโน้มของซอฟต์แวร์ เรานำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดให้กับคุณ อ่านหัวข้อที่เป็นกระแสในสัปดาห์นี้

OpenAI เตรียมเปิดตัวโมเดล AI แบบ Open-Weight ในช่วงฤดูร้อนนี้

Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ประกาศว่าบริษัทเตรียมเปิดตัวโมเดล AI แบบ Open-Weight ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความนิยมของโมเดล R1 จาก DeepSeek และ Llama ของ Meta โดย OpenAI ตระหนักถึงความสำคัญของโมเดลแบบเปิดและตัดสินใจเดินหน้าตามแนวทางนี้

โมเดล Open-Weight แตกต่างจากโมเดลปัจจุบันของ OpenAI ที่ให้บริการผ่านคลาวด์ เนื่องจากสามารถดาวน์โหลด ปรับแต่ง และรันบนฮาร์ดแวร์ของผู้ใช้เอง ทำให้มีต้นทุนต่ำลงและสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับการใช้งานเฉพาะทาง อย่างไรก็ตาม OpenAI ยังคงให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และจะมีการทดสอบอย่างเข้มงวดก่อนปล่อยสู่สาธารณะ

นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดรับสมัครนักพัฒนาให้เข้าถึงโมเดลเวอร์ชันแรกก่อนใคร และจะจัดงานสำหรับนักพัฒนาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

‘https://www.wired.com/story/openai-sam-altman-announce-open-source-model/

OpenAI กับประเด็นลิขสิทธิ์จากการใช้ AI สร้างภาพสไตล์ Studio Ghibli

OpenAI เปิดตัวเครื่องมือสร้างภาพ AI ใหม่ที่เป็นส่วนหนึ่งของ GPT-4o และกลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็ว โดยสามารถสร้างภาพในสไตล์ Studio Ghibli ได้อย่างแม่นยำ ผู้ใช้บนโซเชียลมีเดียต่างแชร์ภาพ AI ของ Elon Musk, Donald Trump และตัวละครจาก The Lord of the Rings ในลุคแบบแอนิเมชันของ Ghibli

อย่างไรก็ตาม นี่ทำให้เกิดข้อกังวลด้านลิขสิทธิ์ เนื่องจากกฎหมายยังไม่มีข้อบังคับชัดเจนเกี่ยวกับการใช้ AI เลียนแบบ “สไตล์” ของงานศิลปะ นักกฎหมายระบุว่า OpenAI อาจใช้ข้อมูลจากงานที่มีลิขสิทธิ์เพื่อฝึกโมเดล ซึ่งอาจเป็นประเด็นในคดีความทางกฎหมาย

แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ความสามารถของ AI ในการสร้างภาพสไตล์เฉพาะกำลังได้รับความนิยมสูง โดย OpenAI และ Google ต้องเลื่อนการเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์นี้กับผู้ใช้ทั่วไป เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก

‘https://techcrunch.com/2025/03/26/openais-viral-studio-ghibli-moment-highlights-ai-copyright-concerns/

Anthropic เปิดเผยกลไกการทำงานของ AI ในโมเดล Claude

Anthropic ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการทำงานของโมเดลภาษาขั้นสูง Claude 3.5 Haiku โดยมุ่งเน้นการทำความเข้าใจว่า AI ประมวลผลข้อมูล วางแผนสร้างสรรค์ และใช้เหตุผลอย่างไร

ประเด็นสำคัญจากงานวิจัย ได้แก่:

Anthropic เปิดเผยกลไกการทำงานของ AI ในโมเดล Claude

  • ความเข้าใจหลายภาษา – Claude มีพื้นฐานแนวคิดร่วมกัน ทำให้สามารถเชื่อมโยงความรู้ข้ามภาษาได้
  • การวางแผนเชิงสร้างสรรค์ – แทนที่จะสร้างข้อความตามลำดับ Claude คาดการณ์คำล่วงหน้า โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้สัมผัส เช่น บทกวี
  • ความถูกต้องของการใช้เหตุผล – โมเดลอาจสร้างคำอธิบายที่ดูสมเหตุสมผลแต่ผิดพลาดได้
  • การคำนวณทางคณิตศาสตร์ – ใช้ทั้งการประมาณค่าและการคำนวณที่แม่นยำ
  • กลไกการสร้างข้อมูลเท็จ (Hallucination) – โดยปกติ Claude จะปฏิเสธการตอบหากไม่แน่ใจ แต่ข้อผิดพลาดอาจเกิดขึ้นจากการระบุ “ข้อมูลที่รู้จัก” ผิดพลาด
  • ความเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ (Jailbreaks) – ความสามารถในการรักษาความสอดคล้องทางไวยากรณ์อาจถูกนำไปใช้ในการหลอกล่อ AI

Anthropic เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจกลไกภายในของ AI เพื่อสร้างระบบที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือมากขึ้น

‘https://techcrunch.com/2025/03/26/openais-viral-studio-ghibli-moment-highlights-ai-copyright-concerns/

CTO ของ Meta วิเคราะห์การแข่งขัน AI: ใครได้เปรียบ?

Andrew Bosworth, CTO ของ Meta เชื่อว่า บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ดั้งเดิมอาจไม่ใช่ผู้ชนะในยุค AI โดยเขามองว่า Microsoft อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบ แต่ Google กำลังเผชิญกับ “ความขัดแย้งทางธุรกิจ”

Bosworth อธิบายว่า AI ทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Meta และ Microsoft ดีขึ้นโดยธรรมชาติ เช่น Microsoft สามารถใช้ AI พัฒนา Office ได้ดีขึ้น ในขณะที่ AI ของ Meta ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานแพลตฟอร์มของบริษัท

อย่างไรก็ตาม Google มีปัญหาใหญ่ เพราะ AI อาจกระทบต่อโมเดลธุรกิจโฆษณาออนไลน์ที่ทำเงินมหาศาล แม้ว่า Google จะมีเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง แต่ความท้าทายนี้อาจทำให้บริษัทเดินหน้าลำบาก

Meta ลงทุนใน AI อย่างมหาศาล โดยตั้งงบประมาณกว่า 60 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ Bosworth ยังกล่าวว่า AI เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ผ่านโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สของ Meta อย่าง Llama พร้อมเสริมว่าตลาด AI ยังเปิดกว้างสำหรับผู้เล่นรายใหม่ที่สามารถสร้างเทคโนโลยีพลิกโฉมวงการ

Quantum Computing: นวัตกรรมข้ามอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนโลก

Maya Netser, ผู้บริหารจาก Qbeat Ventures อธิบายว่า Quantum Computing เป็นเทคโนโลยีปฏิวัติวงการที่แตกต่างจากคอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิม คอมพิวเตอร์ทั่วไปใช้บิต (0 และ 1) ในขณะที่คอมพิวเตอร์ควอนตัมใช้ “คิวบิต” ซึ่งสามารถเป็นทั้ง 0 และ 1 ได้พร้อมกัน สิ่งนี้ทำให้สามารถแก้ปัญหาที่ยากเกินกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปจะคำนวณได้ ไม่ใช่เพียงแค่ “เร็วขึ้น” เท่านั้น

Netser กล่าวที่งาน *Mind The Tech* ในนิวยอร์กว่า เทคโนโลยีควอนตัมเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยหุ้นควอนตัมพุ่งขึ้นกว่า 1,000% ในปีที่ผ่านมา และจะเข้ามาปฏิวัติอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เคมี การค้นพบยา การขนส่ง และการเงิน

Qbeat Ventures เป็นกองทุนใหม่ที่เน้นการลงทุนระยะเริ่มต้นในเทคโนโลยีควอนตัมในภูมิภาค EMEA และต้องการมีส่วนร่วมในนวัตกรรมนี้ Netser สรุปว่า Quantum Computing จะช่วยให้โลกสามารถแก้ปัญหาสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

‘https://www.calcalistech.com/ctechnews/article/hkaxxuu6jg

Quantum Computing: อนาคตของวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อความปลอดภัยไซเบอร์

แม้ว่า Quantum Computing จะถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์ แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าผลกระทบที่แท้จริงของเทคโนโลยีนี้จะอยู่ในวงการวิทยาศาสตร์มากกว่า

NIST ได้ออกมาตรฐานการเข้ารหัสใหม่ที่ทนต่อการโจมตีจาก Quantum Computer แต่ความกลัวว่าการเข้ารหัสทั้งหมดจะถูกถอดรหัสในทันทีอาจเกินจริง เพราะ Quantum Computing ต้องการพลังงานมหาศาลและมีต้นทุนสูง ทำให้มีแนวโน้มถูกใช้ในงานที่ให้ผลตอบแทนระยะยาว เช่น

  • การพัฒนายาและเทคโนโลยีทางการแพทย์: ช่วยเร่งกระบวนการค้นพบยาใหม่
  • การสร้างวัสดุและตัวเร่งปฏิกิริยาใหม่ ๆ: พัฒนาโลหะเบาแต่แข็งแรงและกระบวนการทางเคมีที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
  • การสำรวจอวกาศ: คำนวณวิถีโคจรได้แม่นยำยิ่งขึ้น

บทความยังเปรียบเทียบความกังวลเกี่ยวกับ Quantum กับความกลัวที่เคยมีเกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่สามารถกู้คืนข้อมูลที่ถูกลบ ซึ่งในความเป็นจริงกลับไม่ได้เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง การถอดรหัสข้อมูลด้วย Quantum อาจเกิดขึ้นได้ แต่ประเทศมหาอำนาจและบริษัทยักษ์ใหญ่มีแนวโน้มใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์มากกว่าการสอดแนมข้อมูลทั่วโลก

‘https://venturebeat.com/security/beyond-encryption-why-quantum-computing-might-be-more-of-a-science-boom-than-a-cybersecurity-bust/

AI Index 2024: ผลกระทบของ AI ที่เพิ่มขึ้นต่อสังคมและธุรกิจ

เมษายน 2024 — รายงาน AI Index 2024 จาก Stanford เผยถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของปัญญาประดิษฐ์ในหลายอุตสาหกรรม พร้อมกับการพัฒนาที่สำคัญในด้านประสิทธิภาพและการใช้งาน AI

ไฮไลต์สำคัญมีดังนี้:

  1. ประสิทธิภาพของ AI พุ่งสูง: ระบบ AI พัฒนาขึ้นอย่างมากในการทดสอบต่างๆ โดยมีการปรับปรุงคะแนนสูงสุดถึง 67% ในการทดสอบใหม่
  2. AI ในชีวิตประจำวัน: ตั้งแต่เครื่องมือแพทย์ที่ได้รับการอนุมัติจาก FDA ไปจนถึงรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ AI กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน
  3. การลงทุนธุรกิจทำสถิติสูงสุด: การลงทุน AI ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 109.1 พันล้านดอลลาร์ โดย 78% ขององค์กรใช้ AI ในการดำเนินงานในปี 2024
  4. จีนตามทัน: ในขณะที่สหรัฐฯ นำหน้าในการผลิตโมเดล AI แต่จีนกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วในด้านประสิทธิภาพและนวัตกรรม
  5. การกำกับดูแลและความรับผิดชอบของ AI: รัฐบาลทั่วโลกกำลังเพิ่มความพยายามในการกำกับดูแล AI โดยมีความร่วมมือระดับโลกที่เพิ่มขึ้น
  6. ความหวังในระดับโลกและความท้าทายในการเข้าถึง: ความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับ AI เป็นบวกในหลายประเทศ แม้จะยังมีปัญหาในการเข้าถึงการศึกษาด้าน AI โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา
  7. นวัตกรรมในอุตสาหกรรม: อุตสาหกรรมเริ่มเป็นผู้นำในการพัฒนาโมเดล AI โดยช่องว่างระหว่างโมเดลที่ดีที่สุดเริ่มแคบลง
  1. การดำเนินการของรัฐบาล: สหรัฐอเมริกามีกฎหมายเกี่ยวกับ AI จำนวน 59 ฉบับ และกฎหมาย AI ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 3% รัฐบาลกำลังลงทุนอย่างหนัก โดยมีประเทศต่างๆ เช่น แคนาดา จีน และฝรั่งเศสที่ให้คำมั่นลงทุนพันล้านดอลลาร์ในโครงการ AI
  2. การขยายการศึกษา: สองในสามของประเทศทั่วโลกมีการสอนวิทยาการคอมพิวเตอร์ในระดับ K–12 แม้ว่าการเข้าถึงจะยังคงจำกัดในบางภูมิภาค โดยเฉพาะในแอฟริกา
  3. ความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม: เกือบ 90% ของโมเดล AI ในปี 2024 มาจากอุตสาหกรรม โดยช่องว่างในประสิทธิภาพของโมเดลชั้นนำเริ่มแคบลง เพิ่มการแข่งขันในตลาด
  4. ผลกระทบทางวิทยาศาสตร์: อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของ AI ทำให้ได้รับรางวัลทางวิทยาศาสตร์สำคัญๆ เช่น รางวัลโนเบล 2 สาขา และรางวัลทูริง

12.ความท้าทายในการใช้เหตุผล: แม้ว่า AI จะเก่งในงานเช่นคณิตศาสตร์ แต่มันยังคงประสบปัญหาในการใช้เหตุผลที่ซับซ้อน ซึ่งจำกัดการใช้งานในแอปพลิเคชันที่สำคัญ

อิทธิพลของ AI ยังคงเติบโต และถึงแม้ศักยภาพของมันจะกว้างขวาง แต่ก็ต้องการการกำกับดูแลที่มีความรอบคอบเพื่อให้ประโยชน์กระจายไปทั่วทุกคน

‘https://hai.stanford.edu/ai-index/2025-ai-index-report

Meta เปิดตัว Llama 4: ก้าวใหม่ของ AI มัลติโหมดแบบเปิดที่ทรงพลังที่สุด

Meta ประกาศเปิดตัวตระกูลโมเดล Llama 4 ซึ่งเป็นการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ก้าวล้ำ โดยมุ่งเน้นที่ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลหลายรูปแบบ (Multimodal) ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงในราคาที่เข้าถึงได้ และยังคงยึดมั่นในแนวทาง โอเพ่นซอร์ส เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมทั่วโลก ในครั้งนี้ Meta เปิดตัวโมเดล 3 รุ่น ได้แก่:

  • Llama 4 Scout โมเดลขนาด 17 พันล้านพารามิเตอร์ พร้อม 16 experts รองรับ context window สูงสุด 10 ล้าน tokens ซึ่งถือว่ายาวที่สุดในอุตสาหกรรม และสามารถรันได้บน GPU เพียงตัวเดียว (NVIDIA H100)
  • Llama 4 Maverick โมเดลขนาดเท่ากันแต่มีถึง 128 experts ให้ประสิทธิภาพเหนือ GPT-4o และ Gemini 2.0 Flash ในหลาย benchmark พร้อมความสามารถโดดเด่นด้านการเข้าใจภาพ การเขียนโค้ด และการใช้เหตุผล
  • Llama 4 Behemoth (ยังอยู่ในช่วงเทรน) เป็นโมเดลขนาดยักษ์ 288 พันล้านพารามิเตอร์ ที่ทำหน้าที่เป็น “ครู” ให้กับโมเดลลูก โดยสามารถเอาชนะ GPT-4.5, Claude 3.7 และ Gemini 2.0 Pro ในหลายการทดสอบด้าน STEM

นอกจากนี้ Llama 4 ยังเป็นโมเดลแรกในตระกูลที่ใช้โครงสร้างแบบ Mixture of Experts (MoE) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเทรนและลดต้นทุนการใช้งานจริง โดยการเลือกใช้เฉพาะส่วนของพารามิเตอร์ที่จำเป็นในแต่ละคำสั่ง ทั้งนี้ยังรองรับการประมวลผลแบบมัลติโหมดโดยตรง (text, image, video) และได้รับการฝึกด้วยข้อมูลขนาดใหญ่มากกว่า 30 ล้านล้าน tokens

‘https://ai.meta.com/blog/llama-4-multimodal-intelligence/

JPMorgan ใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมสร้างตัวเลขสุ่มแท้ พลิกเกมความปลอดภัยไซเบอร์

นิวยอร์ก – JPMorgan ประสบความสำเร็จในการใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมสร้างตัวเลขสุ่มแบบแท้จริง ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เพราะต่างจากคอมพิวเตอร์ทั่วไปที่สร้างเลขสุ่มจากสูตรที่คาดเดาได้ (pseudo-random) คอมพิวเตอร์ควอนตัมอาศัยความไม่แน่นอนตามธรรมชาติของควอนตัมเพื่อสร้างเลขสุ่มที่ไม่สามารถทำนายได้จริง

โครงการนี้พัฒนาโดยร่วมมือกับบริษัท Quantinuum และสถาบันวิจัยชั้นนำอย่าง Argonne และ Oak Ridge โดยใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ในการตรวจสอบความแท้ของความสุ่ม ผลการวิจัยตีพิมพ์ในวารสาร Nature ระบุว่า ความสุ่มควอนตัมอาจเป็นรากฐานใหม่ของการเข้ารหัสและความปลอดภัยดิจิทัล“นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ” ดร.มาร์โก พิสโตยา หัวหน้าทีมวิจัยเทคโนโลยีของ JPMorgan กล่าว “เรากำลังเดินหน้าค้นหาแอปพลิเคชันจริงของเทคโนโลยีนี้”

‘https://eladelantado.com/news/jpmorgan-quantum-random-numbers/

ผู้เขียน:

Thunkamon Payakkachon,
Thunkamon Payakkachon,Project Coordinator Innovation Lab SCBX

More Insights for you

ติดตามเนื้อหาล่าสุดของเรา

More Insights for you

Stay up to date with our latest content