ในการบรรยายบนเวที Techsauce Global Summit 2025 Session “From Pilots to Impact: Scaling AI Across the Enterprise” โดยคุณกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร CEO จาก SCB 10X และ Chief Innovation Officer จาก SCBX ได้เล่าถึงแนวทางที่กลุ่ม SCBX ใช้เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมาย โดยเน้นการเปลี่ยน AI จากแค่การทดลองใช้ ไปสู่การขยายผลให้เกิดผลกระทบเชิงบวกที่วัดผลได้จริงทั่วทั้งองค์กร
วิสัยทัศน์ต้องชัด วัดผลได้ และพูดย้ำให้ทั้งองค์กรเข้าใจเป้าหมายเดียวกัน
SCBX ตั้งเป้าอย่างแน่นอนภายในปี 2027 ว่า
- 75% ของรายได้ทั้งหมดจะต้องขับเคลื่อนด้วย AI
- 75% ของกระบวนการภายในองค์กรต้องถูกเสริม หรือเปลี่ยนให้เป็นแบบอัตโนมัติด้วย AI
- 15% ของบุคลากรในองค์กรต้องเป็น AI Talents
สำหรับวิธีการของคุณกวีวุฒิจะไม่หยุดเพียงแค่การตั้งเป้าหมายเท่านั้น ผู้นำต้องพูดเป้าหมายนี้ซ้ำๆ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรรับรู้ว่า SCBX ไม่ได้ทำ AI เป็นเพียงแค่แผนเสริม แต่เป็นแกนกลางของการเปลี่ยนผ่านองค์กรในระดับโครงสร้างรากฐานเลย
โครงสร้างภายในที่รองรับการเปลี่ยนแปลงด้วย AI
SCBX สร้างระบบนิเวศภายในองค์กรที่ประกอบด้วย 3 หน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน AI
1️⃣ SCB 10X ทำหน้าที่เป็นทีมวิจัย (Research Scientist) ที่พัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐาน (Foundation Technologies) เช่น LLM, TTS, AI Core Layer รวมถึงลงทุนในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทั่วโลก และผสานความร่วมมือกับสตาร์ทอัพเพื่อพัฒนานวัตกรรม
2️⃣ SCBX รับหน้าที่พัฒนาโปรดักต์ เป็นทีมของ Product Creator และ AI Engineer ที่นำ AI ไปสร้างให้เกิด Use Case ทางธุรกิจได้จริง
3️⃣ DataX ร่วมกับ SCB และบริษัทในเครือ ขับเคลื่อนการนำ AI ไปใช้จริงในเชิงพาณิชย์ในกลุ่ม SCBX และขยายผลในโลกธุรกิจ
ทั้งสามบริษัททำงานร่วมกันแบบ Cross-functional โดยออกแบบให้แต่ละบริษัทมีวัฒนธรรมการทำงาน และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับบทบาทของตนเอง
พร้อมทั้งร่วมมือกับองค์กรในระดับสากล เพื่อเร่งความก้าวหน้าของเป้าหมาย
SCBX ไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีเพียงลำพัง แต่มีการร่วมมือในหลายภาคส่วน หลายมิติดังนี้
- บริษัทในกลุ่ม SCBX ทุกแห่ง
- บริษัทในพอร์ตการลงทุนด้าน AI จากทั่วโลก โดยเฉพาะสตาร์ทอัพที่ SCB 10X ลงทุนร่วมรวมกว่า 500 ล้านดอลลาร์
- สถาบันวิจัยระดับโลก เช่น MIT, Stanford HAI, UC Berkeley
- องค์กรในประเทศไทย เช่น TDRI, โรงพยาบาลศิริราช, OPDC, VISTEC
ความร่วมมือเหล่านี้ทำให้ SCBX มี Ecosystem ที่พร้อมสำหรับการนำ AI มาใช้ทั้งในมุมวิจัยและมุมธุรกิจ
Typhoon ตัวอย่างโมเดลที่ผสานความร่วมมือในองค์กรเพื่อคนไทย
Typhoon คือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่ถูกพัฒนาขึ้นภายในกลุ่ม SCBX ออกแบบเพื่อรองรับภาษาไทยและบริบทของประเทศไทยโดยตรง
- ปัจจุบัน Typhoon เป็นโมเดลที่อยู่เบื้องหลังเพื่อขับเคลื่อนหลากหลายแอปพลิเคชัน
- มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 2.6 ล้านครั้ง
- มีผู้ใช้งานมากกว่า 30,000 รายในประเทศไทย
- รองรับภาษาไทยหลากหลายสำเนียง และมีโมดูล Text-to-Speech (TTS) ที่สามารถนำไปใช้ใน Call Center หรือระบบ Voice AI ได้
- Typhoon ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐและเอกชนระดับประเทศ อาทิ ศูนย์นวัตกรรมข้อมูลศิริราช (SIDI), VISAI, TDRI และ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) นำโมเดลมาต่อยอดสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ของแต่ละหน่วยงาน เช่น Voice Bot และระบบช่วยงานราชการ ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของคนไทยอย่างแท้จริง
Typhoon จากนวัตกรรมด้าน AI สู่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ภายใต้การทำงานที่สอดผสานกันในกลุ่ม SCBX
Typhoon โมเดลภาษาไทยถูกคิดค้น วิจัย และพัฒนาโดยทีม R&D บริษัท SCB 10X และถูกนำมาต่อยอดโดยการทำงานประสานกับทีม SCBX Innovation Lab เพื่อสร้าง Use Case เชิงธุรกิจและแอปพลิเคชันที่ให้ผลลัพธ์วัดผลได้จริงในกลุ่ม SCBX
ตัวอย่าง Use Case และแอปพลิเคชันภายในองค์กรที่สร้างผลลัพธ์เชิงพาณิชย์ ได้แก่
⭐ Market Conduct Detection
ใช้ระบบ Automatic Speech Recognition (ASR) แปลงเสียงของพนักงานหน้าสาขาเป็นข้อความ ก่อนนำไปวิเคราะห์ด้วย LLM เพื่อตรวจสอบว่ามีการสื่อสารครบถ้วนตามคำแนะนำจากฝ่าย Compliance หรือไม่ โซลูชันนี้ได้ถูกนำไปใช้ใน AutoX และ CardX สร้างผลกระทบทางธุรกิจกว่า 100 ล้านบาทต่อปี พร้อมรักษามาตรฐานการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
⭐ Agentic AI Financial Advisory Platform
เป็น AI Assistant ที่ช่วยให้ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถวิเคราะห์และตอบคำถามลูกค้าได้อย่างแม่นยำและตรงตามความต้องการเฉพาะบุคคล โซลูชันนี้ถูกนำมาใช้ใน InnovestX และสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้กว่า 25 ล้านบาทต่อปี ภายในปีแรกของการใช้งาน ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การให้บริการทางการเงินอัจฉริยะในระดับสูง
⭐ Digital RM Training Tool
ใช้เสียงจริงและสถานการณ์จำลองเพื่อฝึกพนักงานขายให้ได้รับประสบการณ์เสมือนจริง ช่วยเพิ่มรายได้ Non-NII กว่า 50 ล้านบาทต่อปี และหลีกเลี่ยงต้นทุนได้อีกกว่า 25 ล้านบาทต่อปี โซลูชันนี้ถูกนำมาใช้ใน AutoX และ SCB Retail Banking เพื่อยกระดับศักยภาพบุคลากรและเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคตของการให้บริการลูกค้า
ทุก Use Case ที่พัฒนาไม่เพียงสร้างคุณภาพและประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า แต่ยังช่วยลดความเสี่ยง ลดต้นทุนและทรัพยากรในการดำเนินการ พร้อมเพิ่มรายได้ให้กับองค์กรอย่างวัดผลได้จริง
aGenX ระบบกระจาย AI ไปยังทุกบริษัทในเครือ
หลังจากสร้าง Use Case สำเร็จแล้ว SCBX จะนำ Use Case นั้นเข้าไปไว้ในระบบชื่อว่า ‘aGenX’ ที่ถูกพัฒนาโดย DataX เพื่อให้บริษัทในเครือสามารถเข้าถึง นำไปใช้งาน และต่อยอดได้โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
ระบบนี้ประกอบด้วย
🤖 SCBX GenAI Capabilities → Agentic Chatbot, Interactive Voicebot, Training Voicebot, Conduct Validator, and Chat with data
🤖 AI Agents → Supervisor agent, Digital Sales agent, Validator agent, and Analyst agent
🤖 GenAI Foundation → Guardails, Prompts, LLMs, SLMs, and Vector Data
นี่คือตัวอย่างการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ช่วยให้ AI ไม่ใช่แค่ใช้ได้เฉพาะทีมหนึ่ง แต่ใช้ได้ทั่วทั้งองค์กร
คนที่ใช่ ต้องอยู่ในบริบทที่ใช่
SCBX จัดองค์กรตามบทบาทและวัฒนธรรมองค์กร ไม่ใช่เพียงแค่ตามโครงสร้าง โดย
- หากอยากทำ Research ระดับโลก → ไป SCB 10X
- หากอยากสร้าง Product ใหม่ๆ → ไป SCB X
- หากอยาก scale impact และสร้าง Infrastructure → ไป DataX
การจัดสรรแบบนี้ทำให้คนแต่ละแบบได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเติบโตของเขาเอง
ก่อนจากกันไปคุณกวีวุฒิได้ฝาก Key Takeaways ไว้ 4 ข้อสำหรับองค์กรที่อยากจะ Scale AI ให้ทั่วทั้งองค์กรของตัวเอง คุณจำเป็นจะต้อง
1️⃣ ตั้งเป้าหมายที่วัดผลได้ และสื่อสารซ้ำให้คนเชื่อมั่น
2️⃣ หาคนที่ใช่ แล้วให้อำนาจในการตัดสินใจอย่างแท้จริง
3️⃣ สร้างวัฒนธรรมที่พร้อมทดลอง พร้อมล้ม และพร้อมเรียนรู้เร็ว
4️⃣ มองไกลในระยะยาว ไม่ตัดอนาคต แม้ต้องเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจ
ในช่วงท้ายของการบรรยาย กวีวุฒิย้ำถึงความสำคัญของ R&D และ AI ว่าคือ “การเล่นเกมระยะยาว” แม้เศรษฐกิจในปัจจุบันจะมีความผันผวนสูง แต่องค์กรไม่ควรตัดอนาคตของตัวเอง
