ในช่วงเวลาที่ระบบการเงินทั่วโลกกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ เทคโนโลยีอย่างบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มแทรกซึมเข้าสู่กระบวนการสำคัญ ตั้งแต่การออกตราสารหนี้ การระดมทุน ไปจนถึงการออกแบบสกุลเงินแห่งอนาคต
หนึ่งในบริษัทไทยที่เดินอยู่แนวหน้าของการเปลี่ยนแปลงนี้คือ Token X บริษัทในกลุ่ม SCBX ที่มุ่งมั่นจะเป็น ‘Tokenization Success Partner’ ให้บริการ ICO Portal และ Digital Asset Tokenization อย่างครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา
บทความนี้จะพาคุณไปถอดรหัสแนวคิดจากการบรรยายในงาน Techsauce Global Summit 2025 ของ Token X ผ่าน 2 การเสวนาสุดเข้มข้นในหัวข้อ “From Stablecoins to Smart Loans : The Rise of Programmable Finance” โดยคุณไพลินลดา องค์วงศ์สกุล Product Manager และคุณชยธร เต็มนิธิกุล Senior Associate, ICO Initiatives & Capital Market, Investment Banking and Tokenization จาก Token X
และหัวข้อ “Use Cases & Challenges: Blockchain-Backed Government Financial Instrument” โดยคุณทุนฤทธิ์ เอี่ยมพินิจกุล Manager, ICO Investment Banking and Tokenization คุณยลรัตน์ บูรณ์วุฒิวงศ์ Manager, ICO Initiative and Capital Market Investment Banking and Tokenization และคุณวรรณพรรธน์ ภาษยะวรรณ์ Senior Associate, ICO Initiative and Capital Market Investment Banking and Tokenization จาก Token X
โดยทั้งสองเวทีนำเสนอความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยี และสะท้อนบทบาทที่แท้จริงของ Token X ในการพลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ ตั้งแต่การทำ Real World Asset Tokenization สู่การพัฒนา Stablecoin ที่สามารถนำไปใช้งานจริงได้ในระบบเศรษฐกิจ
ปัญหาของระบบการเงินเดิม
การเปลี่ยนผ่านระบบการเงินเป็นเรื่องของความจำเป็นที่เกิดจากปัญหาสะสมในระบบเดิม ที่ไม่สามารถตอบโจทย์โลกยุคใหม่ได้อีกต่อไป
ทีมของ Token X ชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างระบบการเงินในปัจจุบัน โดยเฉพาะการดำเนินการในระดับองค์กรและภาครัฐยังเผชิญกับข้อจำกัดหลายประการที่ทำให้ต้นทุนสูง ประสิทธิภาพต่ำ และขาดความยืดหยุ่น
1️⃣ ความล่าช้า และไร้ประสิทธิภาพหลายกรณี ในกระบวนการพื้นฐานที่สุด เช่น KYC (Know Your Customer) หรือการตรวจสอบเอกสาร เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ลงทุน หรือผู้ถือสินทรัพย์ทางการเงิน ใช้เวลานานหลายวัน เพราะต้องผ่านการตรวจสอบจากหลายฝ่าย และบางขั้นตอนยังคงต้องอาศัยการเซ็นเอกสารอยู่
หากเป็นการออกตราสารหนี้ภาครัฐ กระบวนการในบางช่วง เช่น การจัดสรรหน่วยลงทุน หรือการส่งข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังคงใช้ Excel และอีเมลเป็นเครื่องมือหลัก ซึ่งไม่เพียงทำให้การดำเนินงานช้า แต่ยังเปิดช่องให้เกิดข้อผิดพลาดทางข้อมูล
2️⃣ ต้นทุนสูงจากตัวกลางหลายชั้น โดยระบบการเงินดั้งเดิมทำงานผ่านตัวกลางจำนวนมาก เช่น ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์ นายทะเบียน ผู้ดูแลผลประโยชน์ และหน่วยงานภาครัฐที่ควบคุมกฎเกณฑ์ ทุกตัวกลางมีค่าใช้จ่าย และมักจะมีเวลาการดำเนินงานที่ต่างกันออกไป ทำให้การจัดการเรื่องง่ายๆ เช่น การระดมทุนในโครงการ หรือการแจกจ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ถือสินทรัพย์ ต้องใช้ทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
3️⃣ แม้ว่าระบบการเงินแบบดั้งเดิมจะมีมาตรฐาน และหน่วยงานควบคุม แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยหรือผู้ใช้บริการทั่วไป การตรวจสอบการดำเนินงาน หรือข้อมูลเบื้องหลังของธุรกรรมต่างๆ เป็นเรื่องยาก เช่น ใครถือสินทรัพย์นี้อยู่บ้าง? รายได้จากโครงการนี้กระจายไปอย่างไร? การชำระคืนเกิดขึ้นตามเงื่อนไขจริงหรือไม่?
อาจจะถึงเวลาแล้วที่เราควรตั้งคำถามว่า “เราจะยอมอยู่กับระบบที่ไม่มีประสิทธิภาพ แพง และตรวจสอบไม่ได้ไปอีกนานแค่ไหน?”
บล็อกเชนคำตอบของระบบการเงินใหม่
หลังจากเห็นปัญหาของระบบการเงินแบบเดิมอย่างชัดเจน คำถามที่ตามมาคือ “เราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร?” คำตอบที่ Token X ชูขึ้นมาคือ Blockchain เทคโนโลยีที่ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดติดปากที่สวยหรู แต่เป็นรากฐานสำคัญของโครงสร้างใหม่ที่อาจมาแทนที่ระบบเก่า
ในการบรรยายทั้งสอง Session ทีมงาน Token X ได้อธิบายอย่างชัดเจนว่า บล็อกเชนมีคุณสมบัติที่ตรงกับ Pain Point ของระบบการเงินเดิม และสามารถยกระดับมาตรฐานการเงินได้ในเชิงโครงสร้าง
แม้ว่าบล็อกเชนจะไม่ใช่เทคโนโลยีที่ทำทุกอย่างได้ทันที แต่ก็มีคุณสมบัติหลายประการที่ทำให้สามารถจัดการกับปัญหาเดิมได้ตรงจุด ดังนี้
⭐ ความโปร่งใส (Transparency)
ทุกธุรกรรมบนบล็อกเชนจะถูกบันทึกแบบสาธารณะ และเข้าถึงได้ทุกฝ่ายทันที ข้อมูลไม่ถูกเก็บไว้หลังบ้านโดยองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ทำให้ทุกคนสามารถตรวจสอบได้ ว่าธุรกรรมเกิดขึ้นเมื่อใด อย่างไร กับใคร โดยไม่ต้องพึ่งความไว้วางใจในตัวกลาง
⭐ ความสามารถในการตรวจสอบย้อนหลัง (Auditability)
เมื่อธุรกรรมถูกบันทึกลงบล็อกเชนแล้วจะไม่สามารถถูกเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขย้อนหลังได้ สิ่งนี้ให้ความมั่นใจกับทุกฝ่ายว่าไม่มีการปลอมแปลงข้อมูล และช่วยลดต้นทุนในการตรวจสอบได้ดี
⭐ ลดบทบาทของตัวกลาง (Disintermediation)
ด้วยการใช้ Smart Contract โค้ดที่เขียนให้ทำงานอัตโนมัติเมื่อเงื่อนไขที่กำหนดถูกเติมเต็ม ระบบสามารถทำงานได้เองโดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง เช่น ธนาคาร ในบางขั้นตอน เช่น การออกตราสารหนี้ การแจกจ่ายผลตอบแทน หรือการคืนเงินต้นตามเงื่อนไข
⭐ ประสิทธิภาพ และความเร็วในการดำเนินการ (Efficiency)
ในระบบเดิมธุรกรรมต้องใช้เวลาเป็นวันหรือเป็นสัปดาห์ เช่น ระยะเวลาในการชำระราคา (Settlement Time) ระหว่างธนาคาร แต่บล็อกเชนสามารถทำธุรกรรมได้ทันที โดยไม่ต้องรอการยืนยันจากหลายฝ่าย
⭐ ต้นทุนธุรกรรมที่ต่ำลง (Lower Cost)
เนื่องจากลดจำนวนตัวกลางลง ระบบโดยรวมสามารถทำงานได้เร็วขึ้น ถูกลง และตรวจสอบได้มากขึ้น
⭐ ความยืดหยุ่นในการออกแบบเงื่อนไข (Programmability)
บล็อกเชนไม่เพียงแต่เก็บข้อมูลหรือบันทึกธุรกรรม แต่ยังสามารถตั้งโปรแกรมการเงินผ่าน Smart Contract ได้ เช่น ถ้า A ส่งเงินมาให้ B ครบตามเงื่อนไข ให้ระบบโอนผลตอบแทนไปให้ C โดยอัตโนมัติ หรือถ้าเงินต้นครบกำหนดให้คืนเงินทันที โดยไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
Use Case ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย Token X ในบทบาทผู้เปลี่ยนแนวคิดให้กลายเป็นโครงการจริง
Tokenization เริ่มต้นจากระยะ ‘Proof of Concept’ และต่อยอดสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์จริงในต่างประเทศ ขณะที่ Token X ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นจริงในประเทศไทยได้อย่างเป็นระบบ
ทีม Token X ได้นำเสนอกรณีศึกษาที่แสดงถึงศักยภาพของแพลตฟอร์ม และแนวทางการประยุกต์ใช้กับสินทรัพย์จริง (Real World Assets) ในหลายมิติ ตั้งแต่คอนโด อาคารสำนักงาน ไปจนถึงคาร์บอนเครดิต
แต่ละ Use Case ไม่ใช่แค่ไอเดียทดลอง แต่เป็นโครงการที่เปิดระดมทุนจริง ถูกกำกับดูแลภายใต้กฎหมายไทย และมีโมเดลที่สามารถต่อยอดสู่การใช้งานในวงกว้างได้ทันที
1️⃣ RealX โทเคนที่ให้สิทธิ์ในรายได้จากค่าเช่าคอนโด
นี่คือโครงการที่นำคอนโดมิเนียมทั้งยูนิตมาสร้างเป็น Digital Token เพื่อให้ผู้ลงทุนมีสิทธิ์ได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการให้เช่า โดยไม่จำเป็นต้องซื้อทั้งยูนิตหรือบริหารจัดการเอง
ส่งผลให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อโทเคนได้ในราคาที่ต่ำกว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบดั้งเดิม รายได้ค่าเช่าจะถูกแบ่ง และจ่ายกลับมาให้ผู้ถือโทเคนตามสัดส่วน โดย Smart Contract จัดการเรื่องการโอนเงินอัตโนมัติ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การกำกับของ ICO Portal
เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงสินทรัพย์ที่เคยจำกัดเฉพาะผู้มีทุนมาก และสร้างสภาพคล่องให้กับอสังหาริมทรัพย์ได้จริง
2️⃣ Summer Point Tokenization ของสัญญาเช่าระยะยาว
โครงการนี้ไม่ได้ใช้คอนโด แต่ใช้สิทธิการเช่าอาคาร 25 ปี ของอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งมาออกเป็นโทเคน ซึ่งสะท้อนมูลค่าในอนาคตของสัญญาเช่าอย่างชัดเจน
ใช้โครงสร้างสัญญาเช่าระยะยาวเป็นสินทรัพย์อ้างอิงในการออก Digital Token ผู้ถือโทเคนจะได้รับสิทธิ์ในผลตอบแทนตลอดอายุสัญญา ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถระดมทุนได้ล่วงหน้า โดยไม่ต้องขายทรัพย์สิน
แสดงให้เห็นว่าแม้แต่สิทธิในอนาคตก็สามารถแปลงเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ซื้อขายและบริหารได้อย่างโปร่งใส
3️⃣ Carbon Credit Tokenization การปลูกป่าที่กลายเป็นโมเดลการลงทุน
หนึ่งใน Use Case ที่น่าสนใจที่สุดคือโครงการที่แปลงกิจกรรมปลูกป่าให้กลายเป็นโมเดลการระดมทุน ด้วยการออกโทเคนที่ให้สิทธิ์ในรายได้จากคาร์บอนเครดิต
ผู้ลงทุนซื้อโทเคนเพื่อนำเงินไปใช้ในกิจกรรมปลูกป่า เมื่อโครงการได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิต รายได้จากการขายเครดิตจะถูกแบ่งกลับมาให้ผู้ลงทุน Smart Contract จัดการทั้งการเก็บข้อมูลและการจ่ายผลตอบแทนแบบอัตโนมัติ
นี่คือการใช้เทคโนโลยีสร้างกลไกตลาดการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง สอดคล้องกับแนวคิด ESG และการเงินแบบยั่งยืน
4️⃣ การจับมือกับพันธมิตรหลากหลายอุตสาหกรรม
นอกจากโครงการเดี่ยว Token X ยังเปิดเผยถึงความร่วมมือกับหลายภาคส่วนเพื่อทดสอบโมเดล Tokenization กับสินทรัพย์หลากหลายประเภท
การร่วมมือกับหลากหลายอุตสาหกรรมแสดงให้เห็นว่า Tokenization ไม่จำกัดเฉพาะการเงินหรืออสังหาริมทรัพย์ แต่สามารถประยุกต์ได้กว้างขวางหากมีโครงสร้างและกฎหมายรองรับ
สิ่งที่ Use Case เหล่านี้สะท้อนให้เห็นคือบล็อกเชนและโทเค็น ไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยี แต่คือเครื่องมือจัดสรรคุณค่าในโลกจริงที่จับต้องได้ ลงทุนได้ และโปร่งใส
ตราสารภาครัฐก็เปลี่ยนได้ เมื่อแนวคิดจากต่างประเทศเริ่มเกิดขึ้นจริงในไทย
การเปลี่ยนแปลงของระบบการเงินไม่ได้จำกัดแค่ภาคเอกชน หากแต่ภาครัฐเองก็เริ่มขยับตัวเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน Token X ได้เปิดเผยให้เห็นถึงความพยายามของประเทศไทยในการปฏิรูปกลไกการออก และจัดจำหน่ายตราสารหนี้ภาครัฐด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งถือเป็นก้าวที่น่าจับตาไม่แพ้โครงการในระดับสากล
ในปัจจุบันกลไกระดมทุนของภาครัฐยังอาศัยระบบแบบเดิมที่ซับซ้อน และใช้แรงงานคนจำนวนมาก เช่น การจัดสรรหน่วยลงทุนให้รายย่อย ยังดำเนินการด้วย Excel และอีเมล การโอนเงิน และการยืนยันเอกสารต้องผ่านตัวกลางหลายชั้น เช่น สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.), นายทะเบียน, ธนาคารตัวแทน
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเป็นวันหรือสัปดาห์ และมีความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์ ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพต่ำ ต้นทุนการจัดการสูง รายย่อยเข้าถึงได้ยาก
ในความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ Token X ได้เสนอโมเดลของ การออกตราสารหนี้ภาครัฐแบบ On-Chain หรือการนำพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมดเข้าไปอยู่บนบล็อกเชน ตั้งแต่การออกขายจนถึงการชำระหนี้
คุณสมบัติสำคัญของโมเดลนี้ ได้แก่ Fully On-Chain ทุกกระบวนการตั้งแต่การเสนอขาย การจัดสรร การจ่ายดอกเบี้ย และการคืนเงินต้นอยู่บนบล็อกเชนทั้งหมด
- Programmability ใช้ Smart Contract ในการกำหนดกฎเกณฑ์การดำเนินงาน เช่น การจ่ายผลตอบแทนอัตโนมัติ
- Lower Minimum Investment รายย่อยสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนหลักพันหรือหมื่นบาท
- Transparency & Auditability ภาครัฐสามารถตรวจสอบกระบวนการระดมทุนได้แบบเรียลไทม์ และเปิดให้ผู้ถือโทเค็นตรวจสอบข้อมูลได้ด้วยตนเอง
แม้โมเดลนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ถือว่าเป็นการสร้างต้นแบบของระบบการเงินภาครัฐที่ยั่งยืน โปร่งใส และเปิดกว้างยิ่งขึ้น
ตัวอย่างจากต่างประเทศ เมื่อรัฐบาลทั่วโลกก็เริ่ม Tokenize การเงินของตนเอง
สิ่งที่ทำให้โมเดลของไทยน่าสนใจ คือการที่ทิศทางสอดคล้องกับโครงการสำคัญระดับโลก ที่หลายประเทศได้เริ่มนำร่องไปแล้ว
1️⃣ World Bank: bond-i
องค์การระดับโลกอย่างธนาคารโลก (World Bank) ได้ออกพันธบัตรชื่อ ‘bond-i’ ซึ่งดำเนินการบนบล็อกเชนครบวงจร
ทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกตราสาร การจัดจำหน่าย ไปจนถึงการจ่ายผลตอบแทน อยู่ในระบบ On-Chain ทั้งหมด ถือเป็น Full Lifecycle Blockchain Bond แรกของโลก
2️⃣ Singapore: Project Guardian
สิงคโปร์มีแผนยกระดับตลาดการเงินสู่ระบบ Tokenized โดยเน้นการสร้าง Ecosystem ที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างประเทศ
Project Guardian พุ่งเป้าไปที่สินทรัพย์การเงิน เช่น Money Market Funds ที่สามารถซื้อขายแบบ Tokenized ได้ข้ามพรมแดน ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) เปิดกว้างให้สถาบันการเงินทั่วโลกเข้าร่วม Sandbox นี้
ทำให้เกิดการทดลองโอนเงิน และซื้อขายสินทรัพย์แบบ Tokenized ระหว่างธนาคารข้ามชาติ ช่วยลดเวลาการโอนเงินข้ามประเทศ
3️⃣ Hong Kong: Project Evergreen
ฮ่องกงออกพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) ที่อยู่บนบล็อกเชนอย่างเต็มรูปแบบ เป็นพันธบัตรสีเขียวที่ Tokenize ตัวแรกของโลก และออกโดยรัฐบาล
ดังนั้นการเงินภาครัฐไม่ใช่ข้อยกเว้นของเทคโนโลยีบล็อกเชน ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก แนวคิดการสร้างระบบการเงินใหม่ที่โปร่งใส ยืดหยุ่น และเข้าถึงได้ กำลังถูกผลักดันอย่างเป็นรูปธรรม
และนั่นคือบริบทที่ทำให้ Token X ไม่ได้แค่ตามเทรนด์ของโลก แต่กำลังมีบทบาทเป็นผู้ปูทางและทดลองใช้จริง ให้ไทยก้าวไปพร้อมกับประเทศที่ล้ำหน้าในด้านการเงินดิจิทัลมากที่สุดในโลก
Stablecoin และ Programmable Finance วิวัฒนาการของ ‘เงิน’ ที่เคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง
หากภาครัฐกำลังปรับโครงสร้างตราสารทางการเงินให้เข้าสู่โลกดิจิทัล คำถามถัดไปคือ “แล้วตัวเงินเองล่ะ?” จะสามารถปรับตัวตามโลกใหม่นี้ได้อย่างไร?
เพราะตราบใดที่เงินยังคงผูกติดกับระบบดั้งเดิม ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามจังหวะของเศรษฐกิจจริง หรือยังคงต้องผ่านตัวกลางจำนวนมาก เทคโนโลยีบล็อกเชนก็ยังไม่อาจปลดปล่อยศักยภาพได้เต็มที่
นั่นคือเหตุผลที่ Stablecoin และ Programmable Finance กลายเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการสร้างระบบการเงินใหม่ที่สมบูรณ์
Stablecoin เงินที่ปลอดภัย เสถียร และเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา
Stablecoin คือสินทรัพย์ดิจิทัลที่ตรึงมูลค่ากับสกุลเงินดั้งเดิม เช่น ดอลลาร์ หรือบาท โดยมีหลักทรัพย์สำรองแบบ 1:1 อยู่เบื้องหลัง (asset-backed) เพื่อรักษาเสถียรภาพของมูลค่า
Token X อธิบายให้เห็นว่า Stablecoin กำลังถูกพัฒนาขึ้นเป็น Programmable Cash Layer หรือ ชั้นของเงินที่สามารถเขียนโปรแกรมได้ ซึ่งมีคุณสมบัติสำคัญ 3 ด้าน
- Global Payment Rails โอนเงินได้ทั่วโลกแบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องผ่าน SWIFT หรือธนาคารตัวกลาง
- Settlement Layer สำหรับสินทรัพย์โทเค็น ทำให้การซื้อขายโทเคนสามารถชำระเงินได้ทันที (atomic settlement)
- Programmability เขียนเงื่อนไขกำกับการใช้เงิน เช่น โอนเงินให้เฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่าง หรือจำกัดวัตถุประสงค์การใช้เงิน
ตลาด Stablecoin เติบโตจาก 0 สู่มูลค่ากว่า 270,000 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะสูงถึง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030
นอกจากนี้ภาคสถาบันการเงินทั่วโลกต่างพัฒนา Stablecoin เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น
- Visa พัฒนาโครงข่ายการชำระเงินด้วย USDC
- JP Morgan Onyx / Kinexys ระบบ Settlement ที่ใช้ Stablecoin ระหว่างธนาคาร
- SCB 10X THBX พัฒนา Purpose-Bound Money ที่สามารถเขียนเงื่อนไขกำกับการใช้เงินได้
- Circle & Stripe ใช้ USDC จ่ายเงินให้ผู้ขายได้แบบเรียลไทม์ทั่วโลก
Programmable Finance เมื่อเงินถูกกำหนดด้วยโค้ดให้ทำงานอัตโนมัติ
แต่ Stablecoin เป็นเพียงฐานเงินเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ระบบนี้ทรงพลังจริงๆ คือความสามารถในการโปรแกรมให้เงินทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
Token X เรียกสิ่งนี้ว่า Programmable Finance ระบบที่เงินจะเคลื่อนไหวตามกฎที่อยู่ในโค้ดโดยไม่ต้องพึ่งพาคนหรือธนาคาร
คุณสมบัติของระบบนี้คือ
⭐ รวดเร็ว ไม่ต้องรอการอนุมัติ
⭐ ปลอดภัย ไม่มีความผิดพลาดของมนุษย์
⭐ ประหยัดต้นทุน ตัดตัวกลางออก
⭐ โปร่งใส ตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
หนึ่งในตัวอย่างที่เข้าใจง่ายที่สุดของ Programmable Finance คือ Smart Loans หรือสินเชื่ออัจฉริยะซึ่งปัจจุบันเกิดขึ้นแล้วในโลกของ DeFi (Decentralized Finance)
เช่นในแพลตฟอร์มอย่าง Aave, Compound หรือ MakerDAO
- ผู้ขอกู้วางหลักประกันเป็นโทเค็น
- ระบบอนุมัติสินเชื่อทันทีโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
- ดอกเบี้ยถูกคิดและตัดบัญชีแบบอัตโนมัติ
- เมื่อถึงกำหนดชำระ ระบบจะหักเงินหรือยึดหลักประกันตามเงื่อนไขที่กำหนด
- ทั้งหมดนี้ไม่มีคนเข้าไปยุ่งเกี่ยวในกระบวนการตรวจสอบหรืออนุมัติเลยแม้แต่คนเดียว
ตัวอย่างเชิงลึก Smart Loan สำหรับซัพพลายเชน Token X ได้ยกตัวอย่างหนึ่งในกรณีที่จับต้องได้มากยิ่งขึ้น Smart Loan สำหรับระบบซัพพลายเชน ที่สามารถทำงานได้ครบวงจรบนบล็อกเชน
ขั้นตอนเป็นดังนี้
1️⃣ Supplier ส่งคำขอสินเชื่อ เพื่อซื้อวัตถุดิบ
2️⃣ Smart Contract พิจารณาและอนุมัติเงินกู้ โดยไม่ต้องมีการส่งเอกสาร
3️⃣ เงินถูกปล่อยกู้ในรูปแบบโทเค็น ที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้เฉพาะในระบบที่กำหนด
4️⃣ โทเค็นถูกล็อคไว้จนกว่าผลิตภัณฑ์จะถูกส่งมอบ
5️⃣ เมื่อมีการส่งมอบจริง ระบบจะปลดล็อคโทเค็น และโอนให้แก่ผู้ขายวัตถุดิบ
6️⃣ ระบบสามารถเรียกชำระคืนอัตโนมัติ เมื่อถึงกำหนด
ทุกขั้นตอนนี้ไม่ต้องใช้พนักงานสินเชื่อ ไม่ต้องเซ็นเอกสาร ไม่ต้องรอวันทำการ และไม่ต้องโต้แย้งเงื่อนไขใดๆ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าการเงินในโลกใหม่ ไม่ใช่แค่เปลี่ยนรูปแบบ แต่เปลี่ยนธรรมชาติของการเคลื่อนไหวไปโดยสิ้นเชิง
จากสิ่งที่ต้องมีตัวกลาง ต้องมีความไว้วางใจ และมีคนควบคุม กลายเป็นระบบที่ทำงานได้เอง โปร่งใส เข้าถึงได้ และเชื่อถือได้ทางเทคนิค
และทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่มีกลไกการออกแบบ และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง ข้อจำกัด ความท้าทาย และวิสัยทัศน์อนาคต ที่ต้องเตรียมรับมือเพื่อสร้างระบบการเงินใหม่นี้ให้ยั่งยืน
ความท้าทาย และอนาคตที่ยั่งยืนของระบบการเงินใหม่
แม้ภาพของระบบการเงินใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย Blockchain, Digital Assets และ Smart Contract จะดูน่าตื่นเต้นและทรงพลัง แต่ Token X ก็ชี้ให้เห็นอย่างตรงไปตรงมาว่าการเปลี่ยนผ่านนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย และมันไม่ใช่ Silver Bullet ที่จะเข้ามาแก้ปัญหาทุกอย่างได้ในทันที
หนทางสู่ระบบการเงินยุคใหม่ที่ยั่งยืน ยังเต็มไปด้วยอุปสรรค โจทย์ที่ซับซ้อน และสิ่งที่ต้องแลกเพื่อให้ได้ระบบที่ดีพอ
Blockchain Trilemma ปริศนาสามทางที่ยังไม่มีคำตอบ
หนึ่งในข้อจำกัดเชิงโครงสร้างที่ระบบบล็อกเชนทั่วโลกต้องเผชิญ คือสิ่งที่เรียกว่า Blockchain Trilemma ระบบบล็อกเชนจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง 3 แกนสำคัญ
- Decentralization (กระจายศูนย์)
- Security (ความปลอดภัย)
- Scalability (รองรับการใช้งานจำนวนมาก)
แต่การจะได้ครบทั้ง 3 อย่างพร้อมกันในระบบเดียว ยังคงเป็นเรื่องท้าทาย หากกระจายศูนย์มาก ความเร็วอาจลดลง ถ้าเร่งความเร็ว ความปลอดภัยอาจเสียไป เป็นต้น ไม่มีบล็อกเชนใดที่สมบูรณ์แบบ และทุกองค์กรต้องตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะกับบริบทของตัวเอง
นอกจากข้อจำกัดเชิงเทคนิค Token X ยังสะท้อนถึง 5 ความท้าทายหลัก ที่ทุกโครงการต้องเผชิญ
1️⃣ Regulatory Clarity ความไม่ชัดเจนทางกฎหมายยังเป็นอุปสรรคทั่วโลก แม้หลายประเทศจะเริ่มออกกฎหมายเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ก็ยังขาดความแน่นอนในหลายมิติ เช่น การยอมรับ Stablecoin, การจัดเก็บภาษี หรือการควบคุมการไหลเวียนของเงิน
2️⃣ Blockchain Selection การเลือกบล็อกเชนที่เหมาะสมเป็นการลงทุนระยะยาว หากเลือกผิดตั้งแต่ต้น อาจกลายเป็นต้นทุนจม หรือเกิดความล่าช้าในการ scale up โครงการ
3️⃣ Stakeholder Adoption แม้ระบบจะพร้อม แต่หากผู้ใช้งานไม่เข้าใจ ไม่ยอมรับ หรือกลัวความซับซ้อน ก็อาจทำให้โครงการล้มเหลวได้ตั้งแต่เริ่มต้น
4️⃣ Smart Contract Risk เนื่องจากความปลอดภัยของ Smart Contract และการมีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยในโค้ดก็อาจก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ได้
5️⃣ Usability ระบบที่ดีต้องใช้งานง่ายสำหรับคนทั่วไป แต่เทคโนโลยีบล็อกเชนในปัจจุบันยังถือว่าไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วไปเท่าที่ควร และนั่นคือสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกมากหากหวังจะขยายสู่ Mass Adoption
ภาพสะท้อนจากภาครัฐไทย การเปลี่ยนผ่านกำลังเริ่มขึ้น
ในบริบทของประเทศไทย ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังออก G-Token มีลักษณะเป็น ตราสารหนี้ภาครัฐในรูปแบบดิจิทัล คล้ายพันธบัตรออมทรัพย์ โดยให้สิทธิแก่ผู้ถือในการได้รับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยตามเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนด แต่มาใน รูปแบบดิจิทัล 100% บนระบบบล็อกเชน ซึ่งนับได้ว่าเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลใช้ในการระดมทุนโดยตรงจากประชาชน มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ตามกรอบงบประมาณแผ่นดิน
หากแนวทางนี้สำเร็จจะถือเป็นต้นแบบของการเปลี่ยนผ่านระบบการเงินสาธารณะที่โปร่งใส ยืดหยุ่น และเข้าถึงได้มากขึ้น
อนาคตของ Programmable Finance เงินที่เคลื่อนไหวได้อย่างมีเป้าหมาย
วิสัยทัศน์สุดท้ายที่ Token X เน้นย้ำคือการมอง Programmable Finance ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความเร็ว หรือลดต้นทุน แต่คือการเปลี่ยนนิยามของการเงินไปเลย ในโลกใหม่
- เงินจะเคลื่อนไหวอัตโนมัติ โดยไม่ต้องรอการอนุมัติ
- เงินจะสามารถถูกกำหนดเป้าหมาย ว่าให้ใช้กับใคร ทำอะไร ที่ไหน
- รัฐบาลสามารถกระจายเงินช่วยเหลือได้ตรงกลุ่ม ตรงเวลา ตรงเงื่อนไข
- ผู้ประกอบการรายเล็กสามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
- ประชาชนทั่วไปสามารถลงทุนในสินทรัพย์ที่เคยไกลเกินเอื้อม เช่น ตราสารหนี้ภาครัฐ อสังหาริมทรัพย์ หรือโครงการด้านสิ่งแวดล้อม
ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ด้วยการบูรณาการเทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกัน
บล็อกเชนไม่ใช่อาจจะไม่ใช่ Silver Bullet ของการเงินยุคใหม่ แต่มันกำลังเกิดขึ้น
บทเรียนจาก Token X ในงาน Techsauce Global Summit 2025 ไม่ใช่การพูดถึงอนาคตแบบเพ้อฝัน
แต่คือการรายงานสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแล้วจริง ทั้งในระดับธุรกิจ เอกชน และภาครัฐ
บล็อกเชน และการ Tokenization อาจไม่ใช่คำตอบที่แก้ทุกปัญหาได้ทันที แต่มันคือโครงสร้างใหม่ที่ช่วยออกแบบการเงินให้สอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนไป ให้โปร่งใส เข้าถึงง่าย ปรับแต่งได้ และตรวจสอบได้จริง
หากเราสามารถบริหารความเสี่ยง ออกแบบระบบที่ใช้งานได้จริง และได้รับการยอมรับจากภาคส่วนต่างๆ การเปลี่ยนผ่านนี้จะไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่มันจะกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของเศรษฐกิจทั้งระบบ และในกระบวนการนี้ Token X ไม่ได้เป็นแค่บริษัทเทคโนโลยี แต่คือสถาปนิกของการเงินยุคใหม่ ที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ระบบการเงิน
บทความนี้เขียนขึ้นจากเนื้อหาภายในงาน Techsauce Global Summit 2025 บูธ AreaX by SCBX จากหัวข้อ “From Stablecoins to Smart Loans: The Rise of Programmable Finance” และ “Use Cases & Challenges: Blockchain-Backed Government Financial Instrument”
#FutureTrends #FutureTrendsetter #SCBX #Token X