คน ธุรกิจ ประเทศ SCBX กับ 3 แนวคิดการทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วย AI ผ่านมุมมอง 3 ระดับ

: คน ธุรกิจ ประเทศ SCBX กับ 3 แนวคิดการทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วย AI ผ่านมุมมอง 3 ระดับ

คน ธุรกิจ ประเทศ SCBX กับ 3 แนวคิดการทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วย AI ผ่านมุมมอง 3 ระดับ

ในงาน Techsauce Global Summit 2025

งาน “Techsauce Global Summit 2025” ใน Session “From Intelligence to Impact: Human-Business-Economy” โดย ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ Deputy CEO of SCBX ได้แบ่งปันบทเรียนเกี่ยวกับการทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วย AI ผ่านมุมมอง 3 ระดับสำคัญ ได้แก่ คน ธุรกิจ และประเทศ ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านสู่ Virtual Bank ที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-Native)

AI เปลี่ยนพฤติกรรมและยกระดับศักยภาพมนุษย์ 

เมื่อย้อนกลับไปในยุคก่อนที่จะมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ การค้นคว้าหาข้อมูลในเรื่องที่สนใจ จำเป็นจะต้องใช้ความพยายามและลงแรง เช่น การไปห้องสมุดเพื่อค้นหาจากหนังสือหลายๆ เล่ม แต่ปัจจุบัน AI และเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้มนุษย์สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ด้วย ปลายนิ้ว ผ่านการสัมผัสหน้าจอ หรือแป้นพิมพ์ สิ่งนี้ช่วยเพิ่ม Productivity อย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตาม เมื่อการเข้าถึงข้อมูลกลายเป็นเรื่องง่าย บทบาทของมนุษย์จึงต้องเปลี่ยนจาก ‘คนหาคำตอบ’ มาเป็น ‘คนตั้งคำถาม’ และปล่อยให้เทคโนโลยีอย่าง AI ทำหน้าที่ในการหาคำตอบ ความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์ในการตั้งคำถามจึงเป็นทักษะจำเป็นที่มนุษย์ควรมีเพื่อใช้งานและพัฒนาไปพร้อมกับเทคโนโลยี 

การเปลี่ยนผ่านองค์กร ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน พร้อมยกระดับทั้งคนและระบบ 

SCBX ซึ่งเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงิน ได้กำหนดวิสัยทัศน์สู่การเป็น AI-First Organization โดยมี
3 เป้าหมายหลักที่สำคัญ คือ

  • 75% ของธุรกิจและกระบวนการทำงานจะต้องขับเคลื่อนด้วย AI 
  • 100% ของพนักงานจะต้องมีความรู้และสามารถใช้งาน AI ได้อย่างมั่นใจ
  • 15% ของพนักงานจะต้องเป็น AI Talents

ที่ผ่านมา SCBX ได้ทดลองและเรียนรู้จากโครงการและกรณีการใช้งาน AI จำนวนมาก และกำลังเข้าสู่เฟสต่อไปคือ “การรวมศูนย์ความรู้ และมุ่งขับเคลื่อนธีมงานที่ส่งผลกระทบเชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญต่อองค์กร” เช่น การยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

นำมาสู่ความท้าทายใหญ่ ‘Legacy System’ และ ‘Mindset’ ของคน

SCBX เผชิญกับ 2 ความท้าทายสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรให้เท่าทันกับการพัฒนาของ AI 

ระบบดั้งเดิม (Legacy Systems) ที่ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับให้ทำงานกับ AI โดยตรง ทำให้การอัปเกรดหรือเปลี่ยนแปลงต้องอาศัยการสร้าง ‘AI Wrapper’ ล้อมรอบระบบเดิม ซึ่งอาจไม่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ก็เป็นทางเลือกที่ใช้งานได้จริง

ทัศนคติของคน (Mindset) ที่ยังไม่คุ้นเคยหรือรู้สึกสบายใจกับเทคโนโลยีใหม่ๆ การเปลี่ยนผ่านจึงต้องค่อยเป็นค่อยไป ผ่านการเสริมสร้าง ‘AI Literacy’ ทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่การเข้าใจแนวคิด ไปจนถึงการตระหนักรู้ว่าอะไรใช้ได้ อะไรควรระวัง เช่น Prompt Engineering และ Responsible AI

พร้อมกันนี้ SCBX ยังแบ่งกลุ่มผู้ใช้งานภายในองค์กรออกเป็น ‘ผู้ใช้’ และ ‘ผู้สร้าง’ โดยกำหนดให้มีการพัฒนาศักยภาพของแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม โดยส่งเสริมให้ ‘ผู้ใช้’ สามารถใช้เอไอได้อย่างมั่นใจ และระมัดระวัง ในขณะที่ ‘ผู้สร้าง’ พึงสามารถพัฒนาเทคโนโลยีได้เอง ลดการพึ่งพาจากภายนอก  

ในระดับประเทศ ถ้าคุณไม่อยากตกเป็นผู้ตาม ต้องมี AI Sovereignty

ดร.อารักษ์ เปรียบเทียบการทรานส์ฟอร์มระดับประเทศ ว่าไม่ต่างจากระดับองค์กรมากนัก

ต้องมี “Tone from the Top” เช่นเดียวกับที่ผู้บริหารในบริษัทที่ต้องส่งสัญญาณให้เห็นความสำคัญของ AI

ต้องมีนโยบายและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น Data Infrastructure, BOI Incentive, การดึงดูด Talent และระบบการศึกษาที่เสริมสร้างศักยภาพแห่งอนาคตให้แก่เยาวชน

ต้องตั้งเป้าหมายใหญ่ เช่น การสร้าง ‘AI Sovereignty’ เพื่อให้ประเทศสามารถพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีในระยะยาวได้

ดร.อารักษ์ ยกตัวอย่างประเทศจีนที่เมื่อ 30 ปีก่อนยังไม่มีบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เลย แต่หลังจากรัฐบาลสนับสนุนอย่างจริงจัง ทั้งด้านการศึกษาและเงินทุน จีนกลายเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำด้าน AI ในปัจจุบัน

ขณะที่เวียดนามเองก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตามอง เพราะกำลังก้าวขึ้นมาเป็นชาติที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในด้านการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา (R&D) ที่มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ นี่ถือเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีอย่างแท้จริง และแสดงให้เห็นว่าประเทศในภูมิภาคเดียวกันก็สามารถวางรากฐานด้าน AI และ R&D ได้ หากมีความมุ่งมั่นและแผนงานที่ชัดเจน

แนวคิดสำคัญจาก SCBX สำหรับมุมมอง 3 ระดับ

มุมมอง ‘คน’ จำเป็นต้องมี AI Competency อย่างน้อยในระดับที่ใช้งานได้อย่างมั่นใจ หากบุคคลยังใช้ไม่เป็น ความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่โดยเทคโนโลยีก็จะสูงมาก

มุมมอง ‘ธุรกิจ’ องค์กรต้องสร้าง AI Competitiveness คือการใช้ AI ในการสร้างความได้เปรียบ และความแตกต่างในตลาด

และมุมมอง ‘ประเทศ’ ต้องมี AI Sovereignty เพื่อปกป้องทั้งเศรษฐกิจ และความมั่นคงด้านเทคโนโลยีในระยะยาว

ท้ายที่สุด ดร.อารักษ์ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “เราหลีกเลี่ยง AI ไม่ได้อีกต่อไป คำถามคือจะปรับตัวอย่างไรให้เติบโตไปกับเทคโนโลยีได้ทั้งในฐานะคน องค์กร และประเทศ”

ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากงาน “Techsauce Global Summit 2025” ใน Session “From Intelligence to Impact: Human-Business-Economy” โดย ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ Deputy CEO of SCBX

#FutureTrends #FutureTrendsetter #SCBX

More Insights for you

ติดตามเนื้อหาล่าสุดของเรา

More Insights for you

Stay up to date with our latest content