Your Bite-Sized Updates!
ก้าวล้ำไปในโลกเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงเร็วด้วยข้อมูลอัปเดต ตั้งแต่ความก้าวหน้าของ AI หรือความปลอดภัยทางไซเบอร์และแนวโน้มของซอฟต์แวร์ เรานำเสนอข่าวสารด้านเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดให้กับคุณ
Facebook ขอเข้าถึงคลังภาพส่วนตัว ฟีเจอร์ AI ใหม่ที่ปลุกความกังวล

Facebook กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ที่ขอสิทธิ์เข้าถึงคลังภาพในมือถือของผู้ใช้ แม้เป็นภาพที่ยังไม่เคยโพสต์ เพื่อให้ Meta AI แนะนำการสร้างคอลลาจ รีสไตล์ หรือธีมภาพต่างๆ ผ่านการประมวลผลบนคลาวด์ เมื่อกด “อนุญาติ” ให้สิทธิ์ ระบบจะอัปโหลดภาพขึ้นเซิร์ฟเวอร์ของ Meta เพื่อวิเคราะห์เนื้อหาและใบหน้าในภาพ การใช้งานนี้หมายถึงการยอมรับข้อตกลงการใช้งาน AI ของ Meta ซึ่งให้สิทธิ์บริษัทในการเก็บ วิเคราะห์ และใช้ข้อมูลส่วนตัวเพื่อพัฒนาระบบ AI ต่อไป
สิ่งที่น่าวิตกคือฟีเจอร์นี้เข้าถึงภาพที่เราไม่เคยตั้งใจให้ใครเห็น ไม่ว่าจะเป็นภาพครอบครัวส่วนตัว รูปถ่ายระหว่างทาง หรือภาพที่เราบันทึกไว้เพื่อความทรงจำ แม้ Meta จะยืนยันว่าข้อมูลจะไม่ถูกใช้เพื่อโฆษณา แต่ผู้เชี่ยวชาญยังคงมีความกังวลเรื่องการเก็บรักษาและการเข้าถึงข้อมูล แม้ว่าเทคโนโลยี AI ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น การได้รับคำแนะนำในการสร้างเนื้อหาจากภาพส่วนตัวอาจเป็นแรงบันดาลใจ แต่เราต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความสะดวกสบายกับความเป็นส่วนตัวที่ต้องสูญเสียไป
หากผู้ใช้มีความกังวล ยังมีทางเลือกในการป้องกันความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้สามารถปิดฟีเจอร์นี้ได้ตลอดเวลา และเมื่อปิดการใช้งาน Meta จะลบข้อมูลสื่อที่เก็บไว้ภายใน 30 วัน โดยสามารถควบคุมได้ในเมนู การตั้งค่า ของแอป Facebook ภายใต้หัวข้อ “Camera roll sharing suggestions”
‘https://techcrunch.com/2025/06/27/facebook-is-asking-to-use-meta-ai-on-photos-in-your-camera-roll-you-havent-yet-shared/
AI Private, Business Ready ใช้ AI อย่างไร โดยไม่เสี่ยงข้อมูลหลุด

ในยุคที่ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลกลายเป็นเรื่องสำคัญ ธุรกิจไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบริการ AI บนคลาวด์ เช่น ChatGPT เสมอไป ปัจจุบันมีเครื่องมือโอเพนซอร์สที่สามารถติดตั้งและใช้งานได้ภายในเครื่อง ซึ่งช่วยให้ข้อมูลสำคัญไม่ต้องถูกส่งขึ้นไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก
LocalAI
เป็นแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สที่สามารถใช้แทน OpenAI API ได้ รองรับการสร้างข้อความ ภาพ และเสียงบนฮาร์ดแวร์ทั่วไป ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ความสามารถของ AI ได้เต็มที่ โดยยังคงควบคุมและจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ในระบบของตนเอง
Ollama
ช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้งและจัดการโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) รองรับการใช้งานบน macOS, Linux และ Windows พร้อมอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคนิคมากนัก ธุรกิจสามารถดาวน์โหลดและสลับใช้โมเดลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
DocMind AI
เป็นแอปพลิเคชันสำหรับวิเคราะห์และสรุปเอกสารโดยใช้ LangChain และโมเดลภายในเครื่องผ่าน Ollama เหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการกับเอกสารที่มีข้อมูลละเอียดอ่อน ซึ่งไม่ควรถูกนำไปประมวลผลผ่านบริการคลาวด์ภายนอก
แม้เครื่องมือเหล่านี้จะถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย แต่ความรู้พื้นฐานด้าน Python หรือระบบคำสั่งบรรทัด (command-line) อาจช่วยให้การติดตั้งและใช้งานราบรื่นยิ่งขึ้น ที่สำคัญแม้จะรัน AI ภายในเครื่องแล้ว ธุรกิจก็ยังควรลงทุนในมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
‘https://www.artificialintelligence-news.com/news/how-businesses-can-use-local-ai-models-to-improve-data-privacy/
Microsoft เดินหน้าลงทุน AI ต่อเนื่องหลายพันล้านดอลลาร์ ท่ามกลางการปรับโครงสร้างองค์กร

Microsoft ประกาศว่าจะมีการเลิกจ้างพนักงานกว่า 4% ของบริษัททั่วโลก หรือเทียบเท่ากับ 9000 คน ซึ่ง 830 คนมาจากสำนักงานใหญ่ที่ Redmond รัฐ Washington ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการเลิกจ้างที่มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทางบริษัท แต่ราคาหุ้น MSFT ของ Microsoft ยังคงที่ ไม่ผันผวนตามกระแสข่าว
ทางด้านโฆษกของบริษัทได้ออกมากล่าวว่าการเลิกจ้างครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างของบุคลากรในบริษัทให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ซึ่งคล้ายกับการเลิกจ้างในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ทาง Microsoft ได้พยายามลดจำนวนพนักงานที่อยู่ระหว่าง individual contributor และ top executives
ทางด้านของ Phil Spencer หัวหน้าทีมของ Xbox ได้มีการแจ้งทีมงานของเขาว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบนี้ ในขนาดเดียวกัน ทาง Microsoft ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าการเลิกจ้างครั้งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ AI หรือไม่ และแผนกไหนที่ได้รับผลกระทบ แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา Satya Nadella CEO ของ Microsoft เคยกล่าวไว้ว่าระบบโปรแกรมและโค้ดของ Microsoft ถูกสร้างด้วย AI สัดส่วนอยู่ที่ 20 ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ และมีกระแสข่าวต่อเนื่องว่าทางบริษัทยังคงลงทุนต่อเนื่องในระดับพันล้านเหรียญสหรัฐกับโครงสร้างพื้นฐาน AI
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้สะท้อนถึงความก้าวหน้าของ AI ที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลกจำเป็นต้องปรับโครงสร้างองค์กร และทำให้บุคลากรบ้างส่วนได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย
‘https://www.cnbc.com/2025/07/02/microsoft-laying-off-about-9000-employees-in-latest-round-of-cuts.html
AI สามารถลดการปล่อยคาร์บอนทั่วโลกได้มหาศาล งานวิจัยใหม่เผย

งานวิจัยจาก London School of Economics และ Systemiq ระบุว่า AI สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกได้ถึง 3.2–5.4 พันล้านตันต่อปี ภายในปี 2035 ซึ่งมากกว่าการปล่อยคาร์บอนจากการใช้ AI เองหลายเท่า รายงานเน้น 3 อุตสาหกรรมหลักที่ปล่อยมลพิษสูง ได้แก่ พลังงาน การผลิตเนื้อสัตว์/นม และการเดินทางส่วนบุคคล โดย AI สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดของเสีย ช่วยผู้บริโภคเลือกทางเลือกที่ยั่งยืน ทำนายผลกระทบจากสภาพอากาศ และเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า แม้ AI จะมีศักยภาพสูงในการรับมือวิกฤตโลกร้อน แต่นักวิจัยย้ำว่า “ภาครัฐต้องมีบทบาทเชิงรุก” ในการกำกับ ส่งเสริมนวัตกรรม และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้ประโยชน์กระจายไปทั่วโลกอย่างเท่าเทียม
‘https://www.artificialintelligence-news.com/news/study-finds-ai-slash-global-carbon-emissions/
ทำไม AI จะกลืนบริษัท Consulting อย่าง McKinsey เป็นอาหารกลางวัน แต่ไม่ใช่ในวันนี้
นาวิน ชาดฮา กรรมการผู้จัดการของบริษัทลงทุน Mayfield ในซิลิคอนแวลลีย์ ได้กล่าวในงาน TechCrunch’s StrictlyVC ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ AI กำลังสร้างในตลาดบริการที่ปรึกษา กฎหมาย และการบัญชี มูลค่ากว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก
เขาชี้ว่า สตาร์ทอัพไม่ควรพยายามชนตรงกับยักษ์ใหญ่อย่าง McKinsey หรือ Accenture แต่ควรมองหาช่องว่างในตลาดที่บริษัทยักษ์เหล่านี้มองข้าม
“นี่แหละคือจุดที่ผู้เล่นหน้าใหม่สามารถสร้างความต่างได้” ชาดฮากล่าว
“บริษัทใหญ่ยังติดกับโมเดลเก่า เช่น สัญญาระยะยาวและค่าบำรุงรักษา พวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนมาใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเน้นผลลัพธ์ได้อย่างคล่องตัว”
เขายกตัวอย่าง Gruve สตาร์ทอัพด้านบริการให้คำปรึกษา AI ที่ Mayfield ลงทุน ซึ่งสามารถเพิ่มรายได้จาก 5 ล้านดอลลาร์เป็น 15 ล้านดอลลาร์ ภายในเวลาเพียง 6 เดือน โดยให้บริการลูกค้าอย่าง Cisco ด้วยโมเดลที่ส่งมอบ “ผลลัพธ์” ไม่ใช่แค่ขายเวลาหรือทำสไลด์
ชาดฮายังเตือนว่า หากบริษัทยักษ์ยังไม่ปรับตัว พวกเขาอาจต้องเผชิญกับ “การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกวงการ” แม้วันนี้ McKinsey, BCG หรือ Accenture ยังเติบโตได้ดี แต่แรงกดดันกำลังผลักให้พวกเขาต้องเปลี่ยนจากโมเดลรายได้แบบเดิม ไปสู่บริการ AI ที่คิดตามการใช้งาน ในขณะเดียวกัน สตาร์ทอัพขนาดเล็กซึ่งเน้นความเร็ว คุณค่า และโฟกัสในตลาดเฉพาะ กำลังคว้าโอกาสที่องค์กรใหญ่ยังจับไม่ทัน
“จำคำพูดผมไว้นะครับ สตาร์ทอัพเล็กๆ ที่วันนี้ยังไม่เป็นคู่แข่ง จะกลายเป็นผู้ท้าชิงตัวจริงในอีก 10 ปีข้างหน้า”
‘https://techcrunch.com/2025/06/29/why-ai-will-eat-mckinseys-lunch-but-not-today/

Veo 3 ของ Google อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ “โลกจำลองแบบเล่นได้”?

Demis Hassabis ซีอีโอของ Google DeepMind แย้มว่าโมเดลสร้างวิดีโอตัวใหม่อย่าง Veo 3 อาจถูกพัฒนาไปสู่การสร้างโลกจำลองที่สามารถเล่นได้เหมือนเกม ตอบกลับโพสต์ใน X ที่เรียกร้องให้ “ขอเล่นเกมจากวิดีโอ Veo 3 ได้แล้ว” เขาแค่กล่าวแบบชวนคิดว่า “นั่นจะน่าสนใจไม่น้อยเลย”
แม้ทั้ง Hassabis และ Logan Kilpatrick (หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Gemini API) จะตอบแบบทีเล่นทีจริง แต่ทาง Google ยังไม่มีแถลงการณ์หรือแผนเปิดเผยในตอนนี้ อย่างไรก็ตาม การพัฒนา “world models” ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะ DeepMind เคยเปิดตัว Genie 2 ที่สร้างโลกเสมือนที่เล่นได้ไม่รู้จบ และกำลังพัฒนา Gemini 2.5 Pro ให้เป็นโมเดลที่เลียนแบบการคิดของสมองมนุษย์
โมเดลโลกจำลองนั้นต่างจากโมเดลสร้างวิดีโอทั่วไป เพราะสามารถจำลองปฏิสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงในโลกเสมือนได้จริง ขณะเดียวกัน นักวิจัยชื่อดังอย่าง Fei-Fei Li ก็มีสตาร์ทอัปชื่อ World Labs ที่สร้างฉาก 3D แบบเกมจากภาพเพียงภาพเดียว
‘https://techcrunch.com/2025/07/02/could-googles-veo-3-be-the-start-of-playable-world-models/